บทที่4 เอกสารการประกอบการลงบัญชี
ระบบการทำบัญชีสำหรับกิจการขนาดใหญ่ย่อมมีความซับซ้อนในการบริหารจัดการมากกว่ากิจการขนาดเล็ก เนื่องจากมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน
เช่น แผนกคลังสินค้า แผนกขาย แผนกการเงิน
เป็นต้น ดังนั้นในแต่ละแผนกจะต้องกำหนดเอกสารที่จะใช้เป็นหลักฐานในการปฏิบัติงาน เช่น
ใบขอซื้อ ใบเบิกสินค้า ใบสำคัญรับ
ใบสำคัญจ่าย เป็นต้น
นอกจากนี้เมื่อมีใบรายการค้าเกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจกับบุคคลภายนอก
ผู้ประกอบการจะได้รับเอกสารหรือจัดทำเอกสารขึ้นเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันรายการค้าที่เกิดขึ้น
เอกสารที่ใช้ประกอบการลงบัญชีทุกๆรายการต้องถูกต้อง ครบถ้วน ตามความเป็นจริงเพื่อสร้างความเชื่อถือ
1.เอกสารประกอบการลงบัญชีตามพระราชบัญญัติการบัญชี
พ.ศ.2543
1.1ประเภทของเอกสารประกอบการลงบัญชี
เอกสารประกอบการลงบัญชีแบ่งออกเป็น3ประเภท คือ
1.1.1 เอกสารที่จัดทำขึ้นโดยบุคคลภายนอก
1.1.2 เอกสารที่จัดทำขึ้น
โดยผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีเพื่อออกให้แก่บุคคลภายนอก
1.1.3 เอกสารที่จัดทำขึ้น
โดยผู้มีหน้าที่ทำบัญชีเพื่อใช้ในกิจการ
1.2รายการที่ต้องมีเอกสารประกอบการลงบัญชี
1.2.1ชื่อของผู้จัดทำเอกสารที่ใช้ในการประกอบธุรกิจของผู้จัดทำเอกสาร
1.2.2ชื่อเอกสาร
1.2.3เลขที่ของเอกสาร และเล่มที่ (ถ้ามี)
1.2.4วัน เดือน ปี ที่ออก เอกสาร
1.2.5จำนวนเงินรวม
เอกสารประกอบการลงบัญชีที่จัดทำขึ้นโดยผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีเพื่อออกให้บุคคลภายนอกต้องมีสำเนาเก็บไว้อย่างน้อย 1 ฉบับ และต้องเพิ่มรายการจากที่กำหนดไว้ในกรณีดังนี้
1)
เอกสารเพื่อเป็นหลักฐานในการรับเงิน ฝากเงิน รับชำระเงิน ต้องมีรายการดังต่อไปนี้
(1)เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของกิจการที่จัดทำเอกสาร
(2)สถานที่จัดตั้งของกิจการที่จัดทำเอกกสาร
(3)รายละเอียนเกี่ยวกับการรับเงินหรือตั๋วเงิน
(4)ชื่อ ชนิด จำนวน หน่วยนับ ราคาต่อหน่วย
และราคารวมสินค้าหรือบริการแต่ล่ะรายการ
(5)ลายมือชื่อของผู้รับเงินหรือตั๋วเงิน
2) เอกสารเพื่อเป็นหลักฐานในการจำหน่าย จ่าย โอน
ส่งหมอบสินค้าหรือบริการโดยยังมิได้มีการชำระเงินตาม
ตั๋วเงิน มีรายการดังต่อไปนี้
(1)เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของกิจการที่จัดทำเอกสาร
(2)สถานที่จัดตั้งของกิจการที่จัดทำเออกสาร
(3)ชื่อ ชนิด จำนวน หน่วยนับ ราคาต่อหน่วย และราคารวมของสินค้าหรือบริการ แต่ล่ะรายการ
(4)ชื่อหรือชื่อที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ
และที่อยู่ของผู้รับสินค้าหรือบริการ
(5)ลายมือชื่อผู้จัดทำเอกสาร
(6)ลายมือชื่อผู้รับสินค้าหรือบริการ
3)
เอกสารที่ใช้ประกอบการลงบัญชีที่จัดทำขึ้น โดยผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี
เพื่อใช้ในกิจการของตนเอง เช่น ใบสำคัญรับ
ใบสำคัญจ่าย ใบรับสินค้า นอกจากต้องมีรายการดังกล่าวข้างต้นแล้วต้องมีรายการเพิ่มดังนี้
ใบสำคัญจ่าย ใบรับสินค้า นอกจากต้องมีรายการดังกล่าวข้างต้นแล้วต้องมีรายการเพิ่มดังนี้
(1)คำอธิบายรายการ
(2)วิธีการและการคำนวณต่างๆ(ถ้ามี)
(3)ลายมือชื่อของผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีผู้ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้อนุมัติรายการ
2.เอกสารและรายงานที่ต้องจัดทำในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม
ผู้ประกอบการที่เป็นผู้ผลิต
ผู้ค้าส่ง ผู้ค้าปลีก ผู้นำเข้า และผู้ส่งออก ที่มีรายการรับเกินกว่า1800000บาทต่อปี และจดทะเบียนเพื่อเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
ไม่ว่าจะประกอบธุรกิจในลักษณะกิจการเจ้าของคนเดียว ห้างหุ้นส่วน หรือ บริษัทจำกัด
มีหน้าที่ต้องจัดทำเอกสารและรายงานต่างๆตามที่กฎหมายกำหนดดังนี้
2.1 ใบกำกับภาษี
2.2รายงานภาษีขาย
2.3รายงานภาษีซื้อ
2.4รายงานสินค้าและวัตถุดิบ
2.1 ใบกำกับภาษี (Tax Invoice)
ใบกำกับภาษี
เป็นเอกสารหลักฐานในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม
ผู้ประกอบการที่จะจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม มีหน้าที่ต้องจัดทำใบกำกับภาษี
และสำเนาใบกำกับภาษี
โดยส่งมอบต้นฉบับใบกำกับภาษีให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้บริการทุกครั้งที่ขายสินค้าหรือบริการ
ใบกำกับภาษีมีหลายประเภท ที่สำคัญได้แก่
ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป ใบกำกับภาษีอย่างย่อ ใบเพิ่มนี้ ใบลดหนี้
ตลอดจนใบเสร็จรับเงินที่ส่วนราชการออกให้ในการขายทอดตลาด
ผู้ประกอบการจดทะเบียนจะออกใบกำกับภาษีแบบใดขึ้นอยู่กับลักษณะของการประกอบการ
2.1.1ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป
1) คำว่า
ใบกำกับภาษี
2) ชื่อ
ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ขายหรือผู้ให้บริการ13หลัก
3) ชื่อ
ที่อยู่ ของผู้ซื้อสินค้า หรือผู้รับบริการ
4)
เลขที่ของใบกำกับภาษีและเล่มที่
5) ชื่อ ชนิด
ประเภทปริมานและมูลค่าของสินค้าหรือบริการ
6)
จำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่คำนวณจากมูลค่าสินค้าหรือบริการ
โดยแยกจากราคาสินค้าหรือบริการ
7) วัน เดือน
ปี ที่ออกใบกำกับภาษี
8)
ข้อความอื่นที่อธิบดีกรมสรรพกรกำหนดเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม
2.1.2 ใบกำกับภาษีอย่างย่อ
ใบกำกับภาษีอย่างย่อ คือ ใบกำกับภาษีที่ออกโดยผู้ประกอบกิจการขายสินค้าในลักษณะขายปลีกหรือให้บริการแก่บุคคลจำนวนมาก
และผู้ชื่อหรือผู้รับบริการ ไม่ร้องขอให้ออกใบกำกับภาษี เช่น ร้านสะดวกซื้อ
ร้านอาหาร เป็นต้น
1. คำว่า “ใบกำกับภาษีอย่างย่อ”
2. ชื่อหรือชื่อย่อ
และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ออกใบกำกับภาษี
3. เลขที่/เล่มที่ของใบกำกับภาษี
(ถ้ามี)
4. ชื่อ ชนิด
ประเภท ปริมาณ และมูลค่าของสินค้าหรือบริการ
5. ราคาสินค้าหรือค่าบริการที่มีข้อความระบุชัดเจนว่า “รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว”
6. จำนวนภาษีมูลค่าเพิ่ม
7. วัน เดือน ปี
ที่ออกใบกำกับภาษี
8. ข้อความอื่นๆที่อธิบดีกำหนด
2.1.3 ใบเพิ่มหนี้ (Debit Note)
ใบเพิ่มหนี้
เป็นเอกสารที่ผู้ขายสินค้าออกให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือรับบริการ
ในกรณีผู้ขายคิดราคาสินค้าหรือบริการกับผู้ซื้อต่ำไปเมื่อมีการเพิ่มราคาสินค้าหรือบริการ
ก็ต้องเพิ่มภาษีในส่วนที่เพิ่มราคาสินค้าหรือบริการ ก็ต้องเพิ่มภาษีในส่วนที่เพิ่ม
และถือเป็นภาษีขายในเดือนที่ออกใบเพิ่มหนี้
1. คำว่า “ใบเพิ่มหนี้”
2. ชื่อ ที่อยู่
และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ออกใบเพิ่มหนี้
3. ชื่อ ที่อยู่
ของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ
4. วัน เดือน ปี
ที่ออกใบเพิ่มหนี้
5. เล่มที่/เลขที่ของใบกำกับภาษีเดิม
(ถ้ามี) มูลค่าสินค้าหรือบริการที่แสดงไว้ในใบกำกับภาษีเดิม มูลค่าที่ถูกต้อง ผลต่างของมูลค่าทั้งสอง
และจำนวนภาษีที่เรียกเก็บเพิ่มสำหรับส่วนต่างนั้น
6. คำอธิบายสั้นๆ
ถึงสาเหตุในการออกใบเพิ่มหนี้
7. ข้อความอื่นๆที่อธิบดีกำหนด
2.1.4 ใบลดหนี้ (Credit Note)
เป็นเอกสารที่ผู้ขายสินค้าออกให้แก่ผู้ซื้อกรณีที่ผู้ขายคิดราคาสูงไป
เมื่อลดราคาก็ต้องลดหรือคืนภาษี การลดราคาอาจเนื่องจากรับคืนสินค้าที่ชำรุด
ภาษีขายที่ลดหักจากภาษีขายเดือนที่ออกใบลดหนี้ ผู้ซื้อให้นำภาษีตามใบลดหนี้มาหักภาษีซื้อในเดือนที่ได้รับใบลดหนี้
ใบลดหนี้จะต้องมีรายการดังนี้
1.
คำว่า “ใบลดหนี้” ในที่ที่เห็นเด่นชัด
2.
ชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ออกใบลดหนี้
และในกรณีที่ตัวแทนเป็นผู้ออกใบลดหนี้ในนามของผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มให้ระบุชื่อ
ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของตัวแทนนั้นด้วย
3.
ชื่อ ที่อยู่ ของผู้ที่ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ
4.
วัน เดือน ปี ที่ออกใบลดหนี้
5.
หมายเลขใบกำกับภาษีเดิม รวมทั้งหมายเลขลำดับของเล่ม
(ถ้ามี) มูลค่าของสินค้าหรือบริการที่แสดงไว้ในใบกำกับภาษี
มูลค่าที่ถูกต้องของสินค้าหรือบริการ ผลต่างของจำนวนมูลค่าทั้งสองและจำนวนภาษีที่ใช้คืนสำหรับส่วนต่างนั้น
6.
คำอธิบายสั้นๆ ถึงสาเหตุในการออกใบลดหนี้
7.
ข้อความที่อธิบดีกำหนด
2.2 รายงานภาษีขาย (Output Tax)
รายงานภาษีขาย คือ
แบบรายงานที่แสดงจำนวนเงินภาษีขายที่ผู้ขายได้เรียกเก็บจากผู้ซื้อในแต่ละเดือน
รวมเป็นจำนวนเงินเท่าใด
แบบของรายงานมีลักษณะคล้ายบัญชีรายได้แต่เพิ่มช่องภาษีมูลค่าเพิ่ม
การบันทึกรายงานเรียงลำดับ วัน เดือน ปี ตามสำเนาใบกำกับภาษีขาย
จากการขายสินค้าหรือบริการ
2.3 รายงานภาษีซื้อ (Input Tax)
ภาษีซื้อ คือ ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการได้จ่ายไปให้กับผู้ขายสินค้า
หรือผู้ให้บริการที่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน
เมื่อซื้อสินค้าหรือบริการเพื่อใช้ในการประกอบกิจการของตน
หากภาษีซื้อเกิดขึ้นในเดือนใดก็ถือเป็นภาษีซื้อในเดือนนั้น
โดยไม่คำนึงว่าสินค้าที่ซื้อมานั้นจะขายหรือนำไปใช้ในการผลิตในเดือนใดก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ภาษีซื้อดังต่อไปนี้ ไม่ให้นำมาหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม
2.4 รายงานขายสินค้าและวัตถุดิบ
รายงานสินค้าและวัตถุดิบ
คือ เอกสารที่กฎหมายกำหนดให้ผู้ประกอบการจดทะเบียน
จัดทำขึ้นเพื่อใช้ในการบันทึกแสดงปริมาณและชนิดของสินค้าและวัตถุดิบ
ที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีอยู่ ได้มา และจ่ายไป ในแต่ละเดือน เนื่องจากการซื้อ
ขาย สินค้าและวัตถุดิบ โดยมีใบสำคัญรับสินค้าและใบสำคัญจ่ายสินค้าเป็นหลักฐานในการบันทึกรายการในรายงานสินค้าและวัตถุดิบ
สำหรับผู้ประกอบการที่เป็นผู้ผลิตสินค้าหรือผู้ประกอบการที่ซื้อมาขายไปต้องจัดทำรายงานสินค้าและวัตถุดิบ
แต่ถ้าเป็นผู้ประกอบการให้บริการไม่ต้องจัดทำรายงานสินค้าและวัตถุดิบ
3.การวิเคราะห์รายการค้าจากเอกสารและการบันทึกบัญชี
แหล่งที่มีของเอกสารมี 3 แหล่ง
ตามการจัดประเภทของเอกสาร กล่าวคือ เอกสารที่ได้รับจากบุคคลภายนอก
เอกสารที่ออกให้แก่บุคคลภายนอก และเอกสารที่กิจการจัดทำขึ้นเพื่อใช้ในกิจการเอง การวิเคราะห์แหล่งที่มาให้ให้สังเกตเบื้องต้นคือ
ถ้าเป็นเอกสารที่ได้รับจากบุคคลภายนอกจะแสดงเป็นต้นฉบับ (ตัวจริง) แต่ถ้าเป็นเอกสารที่ออกให้แก่บุคคลภายนอกจะแสดงเป็นสำเนาติดเล่ม
หรือวิเคราะห์จากรายการค้า
รายการค้าที่ปรากฏเป็นรายการค้าอะไรให้พิจารณาจากชื่อเอกสาร เช่น
ต้นฉบับใบกำกับสินค้า/ใบกำกับภาษี
วิเคราะห์ได้ว่าเป็นเอกสารที่เกิดจากการซื้อสินค้าเป็นเงินเชื่อ
ผู้ขายเป็นคนจัดทำขึ้นแล้วมอบต้นฉบับให้กับผู้ซื้อ
สำหรับผู้ขายเก็บฉบับที่เป็นสำเนาไว้เป็นหลักฐานในการบันทึกบัญชี
นอกจากนี้อาจวิเคราะห์รายการค้าจากรายการหรือข้อความต่างๆ ในเอกสาร เช่น
เงื่อนไขการชำระเงิน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น